การเดินทางของ “ไวรัสโควิด-19”

มาอัพเดทเกี่ยวกับข้าวไวรัสโควิด-19ซึ่งในตอนนี้ได้ประกาศเป็นโรคที่ร้ายแรงแล้วแต่ก็ต้องรอให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเสียก่อน ข้อสำคัญนั้นก็คือกฏหมายของบ้านเรไม่ว่าจะเป็นการบอกว่าอะไรหรือจะร่างว่าอะไร ตราบใดก็ตามที่กฏหมายนั้นยังไม่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาก็หมายความว่ากฏหมายนั้นยังไม่มีผลในการบังคับใช้
เรามาดูโทษของมันกันว่าไม่ว่าจะเป็นวันใดก็ตามในใกล้นี้มันจะต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งกฏของมันก็คือเมื่อวันใดก็ตามที่มีการประกาศในราชกิจจานุเบกษามันจะมีผลบังคับใช้หนึ่งวันหลังจากนั้น ซึ่งประกาศวันนี้จะมีผลที่บังคับใช้นันพรุ้งนี้มาดูกันนะว่าพระราชบัญญัติว่าด้วยโรคติดต่อใหม่ล่าสุดพึ่งจะอัพเดทเมื่อปี 58 นะคับโดยจะมีมาตราใน 39 (5)ซึ่งมันจะมีห้ามเจ้าของผู้ควบคุมพาหนะนำผู้เดินทางไม่ได้รับการส้รางเสริมภูมิคุ้มกันโรคมีโทษปรับตั้งแต่สองหมื่นบาท
และข้ออื่นๆที่บ่งบอกถึงสถานที่ต่างๆที่มีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19จะต้องทำการแจ้งนะเพราะไม่งั้นจะโดนปรับเป็นเงิน2 หมื่นบาท มีอำนาจหน้าที่มีเหตุสงสัยว่าเป็นไวรัสโควิด-19 นี้ผู้ที่สัมผัสต้องไปรับการตรวจ ต้องไปกักกันไม่งั้นโดนปรับแล้วมตรา 35 นั้นก็คือโทษที่รุนแรงที่สุด นั้นก็คือในกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนสามารถสั่งปิดสถานที่ต่างๆหรือปิดสถานที่ศึกษาปิดมหาวิทยาลัย ปิดห้าง หากคุณไม่ทำตามโทษของมันก็คือจำคุกหนึ่งปีแล้วปรับไม่เกิน 1แสนบาทนะคับ มาอัพเดทยอดของวันนี้
ยอดของผู้ติดโรคไวรัสโควิด-19มีดังนี้
ในวันนี้มีผู้ติดรายใหม่โดยผู้ติดรายใหม่นั้นคือคนไทย โดยไม่ได้ติดจากคนไทยเพราะเป็นคนไทยที่ประกอบอาชีพคือการเป็นมัคุเทศน์ที่เป็นที่เกาหลีแล้วมีการเดินทางกลับมาที่ประเทศไทยแล้วปรากฏว่าเจอผลที่เป็นบวกนั่นเอง
ซึ่งตอนนี้มีเจ้าหน้าที่สาธารณะสุขกำลังเดินลงไปบ้านของคุณลุงและคุณป้าที่ย่านดอนเมืองเพื่อกระทำการพ่นยาเนื่องจากที่เหล่านั้นคือสถานที่ที่คุณลุงคุณป้านั้นได้ทำการเดินทางมาจากหอกไกโด โดยอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ และนี่ก็คือสถานการณ์ที่เป็นล่าสุดสำหรับวันนี้
และคุณทราบหรือไม่ว่าเวลาที่เรานั้นไอหรือจามออกมานั้นมันมีความเร็วในการเดินทางเท่าไหร่ ซึ่งมันจะมีความเร็วประมาณ 90-110 กิโลเมตร/ชม.เลยนะคับไม่ว่าจะเป้นการจามหรือไอนั้นจะเป็นการแพร่เชื้อเหล่านี้โดยเร็วซึ่งนั้นก็เป็นการทำให้เราจะต้องระวังเชื้อโรคเหล่านี้เป็นอย่างดี