บทเรียนราคาแพงในชีวิตอย่าไปเซ็นค้ำประกันให้กับใคร
เห็นมีมานักต่อนักแล้วการที่ไปเซ็นประกันให้กับคนอื่น ถึงแม้ว่าคนคนนั้นจะเป็นญาติกันก็ตามแต่ก็เป็นเรื่องที่เสี่ยงมากหาคนที่เราไปเซ็นค้ำประกันให้นั้นไม่ยอมจ่ายคืนเจ้าหนี้สุดท้ายคนที่เสียหายก็คือตัวเราเองเรื่องของการเซ็นค้ำประกันให้กับคนอื่นนั้นนี่ไม่เห็นเป็นข่าวอยู่บ่อยๆโดยเฉพาะข่าวที่คุณครูไปเซ็นค้ำประกันให้นักเรียนเพื่อที่จะได้กู้เงินมาจาก กยศ. โดยส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นครูกับนักเรียนที่สนิทกัน
แต่สุดสุดท้ายเรื่องเงินก็ไม่เข้าใครออกใครพอเซ็นค้ำประกันให้ใครเมื่อไหร่ก็มักจะได้รับการตอบแทนในการถูกคนอื่นหนีหนี้แล้วคนที่ซวยที่สุดเธอคือคนที่ไปเซ็นค้ำประกันให้นั่นเอง อย่างกรณีรายล่าสุดที่เป็นหญิงสาวชาวบ้านจังหวัดสระบุรีเธอได้ไปเซ็นค้ำประกันให้กับผู้ชายคนหนึ่งเพื่อที่จะให้เขานั้นไปออกรถกระบะเนื่องจากเพื่อนบ้านที่สนิทกันขอร้องมาทั้งที่ตัวเธอเองนั้น
ก็ไม่ได้รู้จักสนิทสนมกับคนที่เธอจะต้องไปเซ็นค้ำประกันให้เลยโดยหญิงสาวที่กำลังตกเป็นเหยื่อของการเซ็นค้ำประกันก็คือนางอำไพซึ่งเธอได้ร้องเรียนเมื่อทางผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าเมื่อประมาณปีพ.ศ 2555 เธอได้ไปเซ็นค้ำประกันให้กับผู้ชายคนหนึ่งเพราะเขาต้องการซื้อรถยนต์ โดยเธอนั้นก็ไม่ได้รู้จักผู้ชายคนดังกล่าวเป็นการส่วนตัวเพียงแค่เคยเห็นหน้ากันเท่านั้นสมมติว่าชายคนนั้นชื่อว่านายต้า แต่เมื่อไปเซ็นค้ำประกันให้แล้วนายต้ากลับหนีหายและไม่ยอมจ่ายค่างวดรถในที่สุดแล้ว
เธอก็ได้รับเอกสารถูกส่งมากที่บ้าน ให้เธอนั้นต้องชดใช้การจ่ายงวดรถแทนนายต้า แต่เมื่อเธอไม่ได้จ่ายแทนกรมบังคับคดีจึงได้ส่งเอกสารมาให้เธอรับผิดชอบด้วยการนำบ้านที่เธออยู่อาศัยนั้นไปขายทอดตลาดในตอนนั้นขายได้ในราคา หนึ่งแสนหกหมื่นบาท และหลังจากที่มีการขายออกไปแล้วก็มีทนายความคนอื่นติดต่อกลับมาหาป้าอำไพพร้อมทั้งเสนอการขายที่บ้านคืนให้แต่ยอดที่เสนอกลับมานั้นกลับสูงถึง แปดแสนเจ็ดหมื่นบาท ซึ่งทนายความที่เป็นเจ้าของที่ดินคนใหม่ยังได้บอกกับป้าอำไพด้วยว่าหากป้าไพไม่ยอมซื้อที่ดินคืนขอให้ได้ย้ายออกจากไป
เพราะไม่ฉะนั้นแล้วจะถูกแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกอย่างไรก็ตาม ตอนนี้ป้าอำไพไม่มีเงินมากพอที่จะไปซื้อที่ดินคืนซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจากับทนายความเพื่อขอให้ลดราคาที่ดินให้ยังไงก็ตามเพื่อนบ้านคนที่มาขอร้องให้ป้าไพเซ็นค้ำประกันให้นั้นก็ไม่ได้รับผิดชอบอะไรให้โดยบอกแต่เพียงว่าตัวของเขาเองก็ถูกหลอกมาเช่นเดียวกัน
โดยนายต้านั้นมาทำความสนิทกับเขาและหลอกว่าจะมาเป็นลูกเป็นหลานจะคอยดูแลเขายามแก่เฒ่าจนในที่สุดก็หลอกเอาเงินเข้าไปถึง 3 แสนบาทซึ่งรู้สึกเสียใจพี่ไปขอร้องให้ป้าอำไพเซ็นค้ำประกันให้แต่เขาก็ไม่มีเงินที่ช่วยเหลือป้าอำไพได้จริงๆและนี่คือบทเรียนราคาแพงของใครหลายๆคนที่ชอบเซ็นค้ำประกันให้กับคนอื่นฉะนั้นเหตุการณ์ในครั้งนี้คงเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายๆคนนั้นไม่ทำตามเพราะเราไม่รู้หรอกว่าเมื่อเราหวังดีช่วยเหลือคนอื่นไปแล้วผลตอบแทนนั้นจะกลับมาเป็นแบบไหน
สนับสนุนโดย sagame666