โจนแม่ลูกบุกปล้นแม้ค้าร้านชำใช้กรรไกรปักคอชิงเงิน 1,500บาท
ศูนย์รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 191 ของจังหวัดเพชรบุรีได้รับแจ้งเหตุว่ามีคนร้ายสองคนบุกเข้ามาทำร้ายคุณยายวัยอายุ 61 ปี
เพิ่งพักซึ่งเปิดเป็นร้านขายของเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจเดินทางไปถึงยังสถานที่เกิดเหตุพบว่าที่เกิดเหตุเป็นเพียงเพิงบ้านพักสำหรับที่จะอาศัยอยู่ชั่วคราวเท่านั้นโดยผู้บาดเจ็บเป็นหญิงชราชื่อว่าป้าตุ๊กซึ่งป้าตุ๊กเล่าให้ฟังว่าตอนที่เกิดเหตุนั้นป้าตุ๊กเปิดร้านขายของอยู่แล้วอยู่อยู่ก็มีหญิงสาวสองคนแต่งตัวมิดชิดใส่หน้ากากอนามัยปิดบังใบหน้าทำที่จอดรถจักรยานยนต์ที่หน้าร้านแล้วเข้ามาขอซื้อน้ำมันเพื่อเติมรถจักรยานยนต์แต่บอกป้าตุ๊กว่ายังไม่มีเงินจ่ายขอติดไว้ก่อนทำให้ป้าตุ๊กไม่ได้ขายน้ำมันให้ซึ่งหลังจากนั้นระหว่างที่ป้าตุ๊กหันหลังเดินกลับเข้าร้านหญิงทั้งสองคนก็ได้เอาเครื่องช็อตไฟฟ้ามาช๊อตที่ลำคอและตัวของป้าตุ๊ก
หลังจากนั้นก็ใช้ กรรไกรแทงมาที่ลำคอกับขาของป้าตุ๊กและพากันวิ่งไปที่กระป๋องเงินของป้าตุ๊กเอาเงินไปเป็นจำนวน 1500 บาทแล้วขับรถจักรยานยนต์หลบหนีไปอย่างรวดเร็วซึ่งก่อนที่จะออกรถป้าตุ๊กได้ยินเสียงตะโกนเรียกจะผลร้ายว่าแม่จึงเข้าใจว่าคนร้ายทั้งสองคนน่าจะเป็นแม่ลูกกัน
ซึ่งประตุ๊กบอกว่าถึงแม้จะไม่เห็นหน้าตาว่าเป็นใครแต่ป้าตุ๊กก็สามารถจดจำดวงตาของคนร้ายได้เป็นอย่างดีซึ่งเพื่อนบ้านของป้าตุ๊กได้ออกมาบอกว่าปกติป้าตุ๊กจะปิดร้านตอนมืดมืดโดยส่วนตัวแล้วประตูเป็นคนนิสัยดีและไม่เคยมีปัญหากับใครนอกจากจะเปิดร้านขายของแล้ว ป้าตุ๊กจะรับจ้างเย็บผ้าด้วยเพราะป้าตุ๊กบอกว่ามีหนี้สินเยอะจึงต้องทำงานเก็บเงินเอาไปจ่ายหนี้ซึ่งปกติแล้วเพื่อนบ้านคนนี้มักจะเดินมาคุยกับป้าตุ๊กอยู่เป็นประจำซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ตนเองรู้สึกสงสารประตูเป็นอย่างมาก เพราะป้าตุ๊กแก่แล้วและเงินแต่ละบาทที่หามาได้ก็ค่อนข้างหายากลำบาก
ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ตนเองรู้สึกกลัวว่าจะเจอเหมือนกับป้าตุ๊กแต่ได้แต่หวังว่าไม่น่าจะมีอะไรเกิดขึ้นซึ่งในตอนนี้ป้าตุ๊กยังนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลซึ่งแพต้องขอรอดูอาการป้าตุ๊กก่อนซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมหลักฐานเพื่อตามจับคนร้ายอยู่และเพื่อนบ้านในละแวกดังกล่าวตาก็หวานกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมากเพราะจะเห็นได้ว่าแค่เพียงเงินน้อยนิดก็สามารถทำให้มีคนร้ายเข้ามาทำร้ายเราได้แล้ว